ไปเที่ยวตุรกี
ประเทศตุรกี เราเรียกกันติดปากว่า “ดินแดนสองทวีป” ซึ่งที่มาของฉายานี้ก็ไม่มีอะไรซับซ้อนแล้วก็ตรงตัวตามฉายาเลย เพราะตุรกีเป็นประเทศที่มีพื้นที่ตั้งอยู่ทั้งในทวีปเอเชียและทวีปยุโรปโดยพื้นที่ส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในแถบเอเชียตะวันตก และบางส่วนตั้งอยู่ในแถบยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ อิสตันบูลเป็นเมืองที่มีพื้นที่อยู่ทั้งสองทวีป โดยมีช่องแคบบอสฟอรัสเป็นเส้นแบ่งเขตแดนนั่นเอง อิสตันบูล (Istanbul) ไม่ใช่เมืองหลวงของประเทศตุรกี เมืองหลวงของตุรกีคือ เมืองอังการา (Ankara) ซึ่งเป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับสองรองลงมาจากเมืองอิสตันบูล ที่หลายคนคิดว่าอิสตันบูลคือเมืองหลวง อาจเพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเทไปเที่ยวที่อิสตันบูลกันหมด เพราะอิสตันบูลเคยเป็นอดีตเมืองหลวงเก่าของตุรกีเมื่อครั้งสมัยจักรวรรดิออตโตมัน แต่ภายหลังการล่มสลายและกลายมาเป็นสาธารณรัฐตุรกี เมืองหลวงก็ได้ถูกย้ายไปที่เมืองอังการา ตุรกี หรือชื่อทางการว่า สาธารณรัฐตุรกี (Republic of Turkey) เป็นประเทศที่มีดินแดนทั้งในบริเวณเธรซ บนคาบสมุทรบอลข่านในยุโรปตอนใต้ และคาบสมุทรอานาโตเลียในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ ตุรกีมีพรมแดนทางด้านทิศตะวันออกติดกับประเทศจอร์เจีย อาร์เมเนีย อาเซอร์ไบจาน และอิหร่าน มีพรมแดนทางด้านทิศใต้ติดกับอิรัก ซีเรีย และทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ส่วนทางทิศตะวันตกติดกับกรีซ บัลแกเรีย และทะเลอีเจียน ทางเหนือติดกับทะเลดำ ส่วนที่แยกอานาโตเลียและแทรสออกจากกันคือทะเลมาร์มารา และช่องแคบตุรกี (ช่องแคบบอสฟอรัสและช่องแคบดาร์ดาเนลเลส) ซึ่งมักถือเป็นพรมแดนระหว่างทวีปเอเชียกับยุโรป จึงทำให้ตุรกีเป็นประเทศที่มีดินแดนอยู่ในหลายทวีป
พาสปอร์ตไทย สามารถใช้เข้าประเทศตุรกีได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า ฉะนั้นคนไทยจึงไปเที่ยวตุรกีได้แบบสบายใจภายใน 30 วัน เวลาของประเทศตุรกีช้ากว่าไทย 4 ชั่วโมง
ตุรกีช่วงไหน ฤดูกาลไหนดี? ตุรกี สามารถไปเที่ยวได้ทั้งปี แต่ถ้าอยากไปเจออากาศดีๆ สบายๆ ก็แนะนำเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วง เพราะช่วงกลางวันยังไม่ร้อนมาก แต่กลางคืน บางเมืองอาจจะหนาว เดือนพฤษภาคม ที่คัปปาโดเกียหนาวมากก แต่พอข้ามมาเที่ยวแถวเซลจุกนี่ร้อนตั แต่ถ้าใครอยากเจอหิมะ แนะนำให้ไปช่วงฤดูหนาว เพราะตุรกีก็มีหิมะตกเหมือนกัน
– ฤดูใบไม้ผลิ (เมษายน – พฤษภาคม)
– ฤดูร้อน (มิถุนายน – กันยายน)
– ฤดูใบไม้ร่วง (ตุลาคม – พฤศจิกายน)
– ฤดูหนาว (ธันวาคม – มีนาคม)
ภาษาราชการคือ ภาษาตุรกี (Turkish) ภาษาอื่นที่ใช้ในประเทศได้แก่ เคิร์ด (Kurdish) และอารบิก (Arabic)
สถานที่ท่องเที่ยว
1.มัสยิดสีน้ำเงิน หรือ “บลูมอสก์” สถานที่สำคัญและโด่งดังระดับโลกของตุรกี ถูกสร้างขึ้นในระหว่างปี ค.ศ. 1606 – 1615 แห่งยุคการปกครองของอาหม็ดที่หนึ่งค่ะ ภายในอาคารจะมีชั้นใต้ดินคือส่วนหลุมฝังศพของผู้รวมก่อตั้งมัสยิดแห่งนี้ ส่วนพื้นที่โถงด้านในจะเป็นพื้นที่ให้การศึกษา และบ้านพักสำหรับผู้ป่วยที่ยากไร้ ซึ่งตอนนี้ก็ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังสุดๆ“มัสยิดสีน้ำเงิน” ชื่อนี้ถูกเรียกตามลักษณะของสถานที่แห่งนี้ โดยมีการตกแต่งออกแบบภายในด้วยกระเบื้องอิซนิคบนกำแพงชั้นในสีฟ้าสดใส เป็นลายดอกไม้ ทั้งอาคาร มีหอมินาเร็ตหรือหอสวดมนต 7 หอ การจัดวางพื้นที่ของอาคารต่างๆ ถูกจัดวางเป็นรูปตัวยูได้อย่างสวยงาม โดยลักษณะภายนอกสามารถมองเห็นได้จากสุเหร่าโซเฟีย เราจะเห็นมัสยิดสีขาวหินอ่อนที่ตั้งตระหง่าน ถูกยึดไว้ด้วยเสาคอลลัมม์ปลายยอดแหลมสูงเสียดฟ้านั้นดึงดูดสายตามากๆ
2.เมืองคัปปาโดเชีย (Cappadocia) กำลังเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยว สถานที่ยอดฮิตที่ใครๆ ก็ต่างแชร์รูปบอลลูนหลากสีที่ลอยอยู่เหนือท้องฟ้าชวนให้อยากจะรีบจองตั๋วบินไปตุรกีกันเดี๋ยวนั้น วันนี้เราจะพาไปทัวร์กันค่ะ ว่าที่นี่มีอะไรให้เช็คอินกันบ้าง! กิจกรรมสุดฮิต ทัวร์บอลลูน ชมเมืองคัปปาโดเชีย เมื่อขึ้นไปบนบอลลูนแล้ว เราจะได้เห็นวิวเมืองคัปปาโดเซียโดยรอบ เมืองนี้มีเอกลักษณ์สุดๆ ค่ะ ภูมิประเทศของเมืองนี้แปลกตามากกกกก พื้นที่ของเมืองคัปปาโดเชียจะเต็มไปด้วยแท่งหินปูนที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อ 3 ล้านปีก่อน แล้วลาวาเหล่านั้นก็ได้ก่อตัวเป็นชั้นแผ่นดินใหม่ โดนลม น้ำกัดเซาะ จนกลายเป็นรูปกรวยคว่ำ เป็นทรงคล้ายกับกระโจม โดม กระจายอยู่เต็มเลยค่ะ จึงถูกขนานนามว่า “ดินแดนแห่งปล่องไฟนางฟ้า”
3.ปามุคคาเล่ หรือ ปราสาทปุยฝ้าย สถานที่ท่องเที่ยวขั้นสุดยอดของตุรกี ตั้งอยู่ในเมืองเดนิซลี “เมืองแห่งสปา” นั่นเองค่า ที่นี่ถูกค้นพบโดยชาวโรมันหลายพันปีมาแล้ว เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงมากในหมู่นักท่องเที่ยว รวมถึงชาวตุรกีด้วย ปามุคคาเล่เป็นแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติ เกิดจากความดันความร้อนใต้พื้นดินที่ 35- 36 องศาเซลเซียส จึงให้เกิดการประทุน้ำมีแคลเซียมไฮดรอกซัลคาร์บอเนตออกมา รวมถึงพื้นที่ส่วนนี้มีการเคลื่อนไหวของเปลือกโลกอยู่บ่อยครั้งจึงก่อให้เป็นแหล่งบ่อน้ำพุร้อนจำนวนมาก เมื่อบ่อน้ำพุร้อนหลายบ่อรวมตัวกัน ทำให้มีการก่อตัวของแร่ธาตุขนาดใหญ่ว่ากันว่าน้ำพุร้อนแห่งนี้มีอายุมากว่า 14,000 ปี ทำให้ตะกอนที่ไหลฝั่งตัวทับรวมกันจนเป็นตะไคร่น้ำสีขาว และกลายเป็นปราสาทปุยฝ้ายแบบนี้นั่นเองค่า ส่วนน้ำสีฟ้าใสเหมือนแสงตกกระทบกับกระเบื้องหินอ่อนนั้นเกิดจากน้ำร้อนที่ได้สัมผัสกับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และศูนย์เสียความร้อน ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ คาร์บอนมอนอกไซด์ได้สัมผัสกับอากาศ นั่นเลยทำให้แคลเซียมคาร์บอเนตตกตะกอน พื้นน้ำในบ่อน้ำพุร้อนเหล่านี้จึงมีสีฟ้าสวยสด
4.เมืองเอฟิซัส ที่ตั้งของห้องสมุดเซลซุสไปบ้างแล้ว จะบอกว่าความยิ่งใหญ่อลังการไม่ได้มีแค่นั้น เอฟิซัสเป็นเมืองโบราณเก่าแก่ที่มีมาประมาณ 100 ปีก่อนยุคคริสตกาล ตั้งอยู่ในมหานครอิซเมียร์ (Izmir) ได้สถาปนาขึ้นเป็นเมืองหลวงของโรมันและถูกขนานนามว่า เป็นมหานครแห่งแรกและใหญ่ที่สุดในเอเชีย! เป็นศูนย์กลางการค้าและการเงิน เรียกได้ว่าร่ำรวยสุดๆ ถนนทุกสายปูด้วยหินอ่อนข้าศึกจะบุกเข้าโจมตีตัวเมืองได้ยากมากเพราะมีภูเขาขนาบสองข้าง ล้อมด้วยทะเล และมีทางเข้าแค่ทางเดียวเท่านั้น แต่ก็ถูกทำลายลงโดยแผ่นดินไหวในปี ค.ศ. 614 ทำให้ชาวเมืองต้องหนีอพยพจนกลายเป็นเมืองร้างไป ปัจจุบันก็ยังเหลือร่องรอยความยิ่งใหญ่ของเมืองให้นักท่องเที่ยวได้ชมกัน ซึ่งถือเป็นเมืองโบราณที่สวยและสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งในโลกเลยทีเดียว และนอกจากห้องสมุดเซลซุสแล้ว ที่นี่ยังมีสถาปัตยกรรมอันน่าทึ่งอีกมากมาย ทั้งโรงละครกลางแจ้งเอฟิซัส ที่จุคนได้ถึง 30,000 คน, มหาวิหารแห่งอาร์เทมิส (Temple of Artemis) หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคโบราณ, โรงอาบน้ำสกอลัสติเซีย (Bath of Scholasticia), โบสถ์เอเฟซุส (Church of Ephesus), โบสถ์นักบุญเซนต์จอห์น (Basitica of St.Jhon), ท่าเรือยิมเนเซียม (Harbor Gymnasium) เป็นต้น ซึ่งทุกอย่างเป็นศิลปะแบบเฮลเลนนิสติก (Hellenistic) ที่ประณีตและงดงาม เดินชมเดินถ่ายรูปกันได้แบบไม่มีเบื่อ รู้สึกเหมือนได้หลุดเข้าไปในยุคกรีกโบราณเลยล่ะค่า ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเอฟิซัสจึงเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของตุรกี